kruprathai.com=> พระเครื่อง -> พระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่พระประธาน พร้อมใบเซอร์ แลกทองเหลือกิน บ้านเหลือเก็บ รถเหลือใช้
พระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่พระประธาน พร้อมใบเซอร์ แลกทองเหลือกิน บ้านเหลือเก็บ รถเหลือใช้
สมัครลงประกาศพระเครื่อง ฟรี !! รับถ่ายรูปพระเครื่อง ติดต่อสอบถาม 087-613-1076 คุณพิษณุ
ร้านเช่า : -กลมกลม
พระเครื่องที่คล้ายกัน
เลือกเอาพระเครื่องที่มีความคล้ายคลึงกันออกมาแสดง เพื่อให้ท่านได้เลือกชมพระเครื่องอื่นๆที่มีความใกล้เคียงกัน
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระเครื่อง
ติดต่อสอบถาม 087-613-1076 คุณพิษณุ
พระเครื่องถูกโหวด จะ แท้หรือไม่ นั้นวัดได้จากความน่าเชื่อถือ ค่ายิ่งมาก ยิ่งมีความเป็นได้สูง
พระยอดขุนพล พะเยา
พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นกาญจนาภิเษก 2538 ครบชุด 5 พิมพ์
นางกำแพงกลีบบัว
เหรียญหลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน รุ่น2 ปี 2505 ปราจีนบุรี
หลวงปู่แหวน ติดต่อสอบถาม 087-613-1076 คุณพิษณุ พระสมเด็จ หลวงปู่ทวด หลวงปู่ทิม พระปิดตา พระเหรียญ สมเด็จวัดระฆัง หลวงพ่อเงิน หลวงปู่แหวน หลวงพ่อทวด พระสมเด็จบางขุนพรหม หลวงพ่อปาน พระกริ่ง ของขลัง พระรูปหล่อ พระพุทธรูป เครื่องราง ติดต่อสอบถาม 087-613-1076 คุณพิษณุ ติดต่อสอบถาม 087-613-1076 คุณพิษณุ
รับทำเว็บไซต์พระเครื่อง รับทำเว็บไซต์พระเครื่องราคา 4,500 บาท โทร. 087-6131076 คุณพิษณุ รับทำเว็บไซต์พระเครื่อง 4,500 บาท รับทำเว็บไซต์พระเครื่อง 4,500 บาท รับทำเว็บไซต์พระเครื่อง 4,500 บาท รับทำเว็บไซต์พระเครื่อง 4,500 บาท |
พระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่พระประธาน พร้อมใบเซอร์ แลกทองเหลือกิน บ้านเหลือเก็บ รถเหลือใช้ รหัสพระเครื่อง : 1202 ราคา 30 -. เบอร์ติดต่อ 086-900-2201 / 034-324-972 ติดต่อ คุณทายาท
พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม
ตามประวัติของ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม นามเดิมของท่านคือ โต ได้รับฉายา พฺรหฺมรังสี ถือกำเนิดต้อนเช้าตรู่ของวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2331 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5 วันพฤหัสบดี จุลศักราช 1150 ในสมัยรัชกาลที่ 1 ณ บ้านไก่จ้น ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มารดาชื่อเกศ เป็นชาวตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อสมัยที่ท่านยังเด็กท่านได้ศึกษาหนังสือในสำนักท่านเจ้าประคุณอรัญญิก (ด้วง) วัดอินทรวิหาร หรือวัดบางขุนพรหมนอก (ส่วนวัดบางขุนพรหมในปัจจุบันก็คือวัดบางขุนพรหม) เมื่อท่านอายุครบ 12 ปี ท่านได้บวชเป็นสามเณร และย้ายมาอยู่ที่วัดระฆังโฆษิตาราม ว่ากันว่าครั้งที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้เข้ามาศึกษาทางด้านพระปริยัติธรรม ณ วัดระฆังฯ แล้ว ปรากฏว่าการศึกษาของท่านได้รับคำชมเชยจากพระอาจารย์อยู่เสมอว่าท่านมีความจำ และความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ อีกทั้งท่านยังเรียนรู้พระปริยัติธรรม ได้อย่างรู้แจ้งแทงตลอด นอกจากท่านจะได้ศึกษาในสำนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (นาค) แล้ว ท่านยังได้ไปฝากตัวศึกษาทางด้านปริยัติและด้านปฏิบัติกับท่านสมเด็จพระ สังฆราช (สุก)ไก่เถื่อน ณ วัดมหาธาตุ
เมื่อครั้นอายุครบอุปสมบท ประมาณปีมะโรง พ.ศ. 2350 ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงโปรดให้บวชเป็นนาคหลวง ที่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จึงเรียกกันว่าพระมหาโตตั้งแต่นั้นมา จนกระทั้งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้า พระราชทานสมณศักดิ์ให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นพระธรรมกิติเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อปีพ.ศ. 2395 เวลานั้นท่านมีอายุได้ 65 ปี
ซึ่งเล่าขานสืบต่อมาภายหลังว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นอริยสงฆ์จนถึงขั้นพระอรหันต์ ความเป็นอัจฉริยะบุคคลและแก่กล้าวิทยาคม ทั้งยังสำเร็จวิชา สรตะโสฬส ซึ่งมีพระไม่กี่รูปที่สำเร็จวิชานี้ ดั้งนั้นพระเครื่องที่ท่านสร้างหรือปลุกเสกจึงก่ออภินิหารต่างๆ นานา ให้ปรากฏแก่บุคคลทั่วไปที่มีบุญญาบารมีได้ครอบครอง
พระ สมเด็จวัดระฆังฯ ที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯได้สร้างขึ้นนั้น เป็นพระที่หลายคนใฝ่ฝันและปรารถนาอยากมีไว้ครอบครอง แต่น้อยนักที่จักประสบผลสำเร็จตามต้องการ เนื่องด้วยจำนวนพระที่มีหมุนเวียนน้อยลงทุกขณะ ในขณะที่ค่านิยมกลับสูงขึ้นตามกาลเวลา จนมิใช่เรื่องง่ายที่จะมีไว้ชื่นชม พระสมเด็จวัดระฆังฯจึงถูกยกย่องให้เป็น จักรพรรดิแห่งพระเครื่องทั้งมวล เป็นองค์พระประธานในชุด เบญจภาคี เหตุที่พระสมเด็จของท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้รับการยกย่องเช่นนั้นอาจเป็นเพราะรูปแบบของสมเด็จวัดระฆังเป็นพระเครื่อง องค์แรก ที่สร้างเป็นรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าอย่างทรงเลขาคณิต ส่วนองค์พระและฐานท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านจำลองแบบและย่อส่วนมา จึงต้องยอมรับว่าเป็นความงดงามที่ลงตัวหาที่เปรียบไม่ได้
พระ สมเด็จวัดระฆังฯ เป็นพระเครื่องที่สร้างขึ้นโดย ท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี สันนิษฐานว่าเริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ประมาณปี พ.ศ. 2409 ประกอบด้วยพระพิมพ์มาตรฐาน 4 พิมพ์ คือ
1. พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ หรือพระพิมพ์ประธาน
2. พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เจดีย์ 3. พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เกศบัวตูม
4. พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม
พระสมเด็จวัดระฆังฯ ในท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ นั้นเป็นพระที่สร้างแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามแต่โอกาสและเวลาจะอำนวย ไม่ได้สร้างครั้งเดียวและแล้วเสร็จ ที่เชื่ออย่างนี้เพราะว่าพระแต่ละพิมพ์ของท่าน เนื้อหาตลอดจนมวลสารนั้นมี ความแตกต่างกัน การสร้างพระพิมพ์ด้วยพระเนื้อผงสีขาว ซึ่งต่อมาเรียกว่า เนื้อพระสมเด็จโดยมีเนื้อหลักเป็นปูนขาว (ปูนหิน) หรือปูนเปลือกหอย ผสมด้วยวัตถุมงคลอาถรรพณ์อื่นๆ และมีผงวิเศษซึ่งสำเร็จจากการลบสูตรสนธิจากคัมภีร์ทางพุทธาคม เช่น ผงปถมัง มหาราช อิถเจ ตรีนิสิงเห โสฬสมงคล นะ 108 ตลอดจนผงอื่นๆ อีกมาก ส่วนตัวประสานหรือตัวยึดเกาะนั้น ที่เราทราบกันดีอย่างเด่นชัดก็คือ น้ำมันตังอิ๊ว น้ำอ้อย น้ำผึ้ง กล้วย และที่สำคัญอย่างหนึ่งคือเยื่อกระดาษ ได้มาจากการนำเอากระดาษสามาแช่น้ำข้ามวันข้ามคืนจนกระดาษละลายเป็นเมือก จึงนำเอามากรองเพื่อเอาเยื่อกระดาษมาผสมบดตำลงไป เชื่อกันว่าเยื่อกระดาษนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เนื้อพระสมเด็จมีความหนึก นุ่ม โดยเฉพาะส่วนผสมที่เป็นพืช เช่นข้าว อาหาร กล้วย อ้อย เป็นต้น ก็มีส่วนที่ทำให้เนื้อพระมีความหนึกนุ่มเช่นกัน เมื่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ สร้างพระแต่ละพิมพ์เสร็จแล้ว ท่านก็จะบรรจุลงบาตร นอกจากท่านจะบริกรรมปลุกเสกด้วยตัวท่านเองแล้ว ท่านยังนิมนต์ให้พระเณรช่วยกันปลุกเสกอีกด้วย เมื่อท่านออกไปบิณฑบาตท่านก็จะนำติดตัวไปด้วย เมื่อญาติโยมใส่บาตรท่าน ท่านก็จะแจกพระให้คนละองค์ และมักจะพูดว่า “เก็บไว้ให้ดีนะจ๊ะ ต่อไปจะหายาก” โดยไม่บรรยายสรรพคุณให้ทราบแต่อย่างใด แต่ก็ทราบกันดีว่าพระสมเด็จวัดระฆังฯ ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ โด่งดังทางโภคทรัพย์และเมตตามหานิยม
พระคาถาชินบัญชร
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้ผูกพระมหาคาถา ชินบัญชร ขึ้น ซึ่งพระมหาคาถานี้มีพุทธานุภาพอันยิ่งยง ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้น ก่อนเจริญภาวนาชินบัญชร ตั้งนะโม 3 จบ แล้วระลึกถึงและบูชาท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ด้วยถ้อยคำว่า
"ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนังอัตถิกาเยกายะญายะ
เทวานังปิยะตังสุตตะวาอิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ"
1. ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตะวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา.
3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.
4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.
6. เกสันโต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโยวะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
7. กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิ คุณากะโร.
8. ปุณโณ อังคุลิมาโล จะ อุปาลี นันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ.
9. เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
12. ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา
วาตะปิตตาทํสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะ ปัญชะเร.
14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
15. อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโขสะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา. ชินานุภาเวนะ ชิตูปัททะโว ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโค สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ. ( ชินะปัญชะระคาถา นิฏฐิตา ) แลกทอง30บาท หากก่อนเช่าท่านควรศึกษา ด้วยตัวท่านจะดีที่สุด หรือพาผู้ชำนาญที่ท่านนับถือมาช่วยดูพระให้ เพราะวงการพระเครื่องบ้านเรามีหลายสมาคม ความคิดแตกแยก?แสดงว่ายังไม่ได้มาตราฐาน ?เช่าจากเซียน วันนี้บอกแท้ปีหน้าให้ดูอีกครั้งส่ายหน้า ว่าไม่ชอบ ไม่แท้ เพราะจำพระตัวเองไม่ได้ทั้งอาศัยพวกมาก ลากกันไป(เซียน=สมาคม=พระพวกพ้อง=ที่อื่นเก๊) ก็พระกู พวกกูเยอะ กูว่าดี ส่วนพระมึง พวกน้อย กูว่าไม่ดี ไม่ชอบเนื้อไม่ถึง ทั้งยังชอบอำพราง ความเป็นจริง ในการเล่นหาจนเกิดความสับสนแก่นักสะสม แต่เซียนที่ดีก็มี,ฉะนั้น ผมจะรับประกันความพอใจ โดยหากต้องการเปลี่ยน/คืนพระ เงื่อนไขหัก 20?%ภายใน20วัน แต่พระต้องคงสถาพเดิม "ราคาคุยกันได้ หากถูกใจ ลองโทรมาคุย กล้าขอ ผมก็กล้าให้ ถือว่าวาสนา" พระสมเด็จที่นี่ไม่ได้แพงแบบไร้เหตุผล พระสมเด็จแท้ต้องมีหลายเนื้อไม่ใช่่เนื้อแห้งๆ แบบสมเด็จยายขำ ที่เล่นกันอยู่ หลักง่ายๆคือเนื้อพระคือเนื้อพระ มีข้าวหอมผสม มีเนื้อกล้วยผสม ย่อมมีเมล็ดกล้วยปูนเปลือกหอย เกสรเยื่อดอกไม้ที่ชาวบ้านนำมาไหว้พระ ย่อมมีเกสรดอกบัว ผงธูปผงดำใบลาน มวลสารสมเด็จ เศษพระซุ้มกอ ผงสมสมเด็จขาวขุ่น ผสมมากน้อยกันไป แต่ทุกอย่างนี้ต้องพบ สังเกตุเนื้อพระคือเนื้อพระจริงๆ พบได้ทั้งเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด มิใช่เนื้อปูนแห้งๆ สีขาวหรือเหลืองแล้วอ้างว่านี่หละเนื้อนิยม ยินดีแบ่งให้เช่าครับ ผมยินดีให้หากคุณศรัทธาสมเด็จโตท่านจริงๆ "พระสมเด็จจะแท้/เก๊ เถียงกันไม่จบพาลแต่จะเสียน้ำใจกัน ไม่ดีเลย อย่างที่พูดกันเสมอ เช่าเพราะเราชอบ รู้สึกดีที่ครอบครองหมั่นศึกษาโดยยึดพื้นฐานหลักความจริง คุณผู้ครอบครองเป็นคนตัดสินไม่ใช่ให้คนอื่นตัดสินแทน ควรปล่อยวางบ้างหากใครมาติพระเราไม่มองพระเป็นมูลค่าเกินไป คิดว่าคนจนไม่มีสิทธิ์ มีศิลครบมีจิตใจที่บริสุทธิ์ และเมื่อไรที่คุณทำได้เมื่อนั้นคุณถึงจะได้ครอบครองพระสมเด็จแท้ แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม" พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ หลวงวิจารณ์ เนื้อแกร่ง องค์จริงสวยกว่าในรูปมากพิมพ์คมชัด พิมพ์ถูกครบถ้วนทุกข้อ เส้นขอบกระจกบังคับพิมพ์ พระสวยไม่มีที่ติ หัวเข่ายกเท้าซ้ายนูน เม็ดผงพุทธคุณ มวลสารลอยเด่นชัด อิฐแดงกำแพงเพชร ผงดำใบลาน ผงธูปรอยปริแยก รากผักชี หลังรอยปาด ปูไต่ ครบสูตรพระแท้ ความเก่า ถึงยุค สำหรับพระสมเด็จวัดระฆังที่มีลงรักปิดทอง ส่วนมากเป็นรักจีนหรือรักแดง นำ เข้ามาจากประเทศจีน หรือในบางองค์ก็ใช้รักยางไม้มาทาเคลือบรักษาเนื้อพระเอา ไว้ หรือบางองค์อาจเป็นคราบน้ำหมากติดอยู่ก็มี แต่ที่ไม่มีการลงรักปิดทอง เลย ปล่อยเอาไว้เดิมๆก็มี จึงยึดถือเอาเป็นหลักเกณฑ์ที่ตายตัวไม่ได้ครับ การศึกษาพระ อย่าเรียนด้วยความรู้สึกหรือฟังเค้าแล้วเชื่อตามๆกันมาจากผู้น่าเชื่อถือ หากแต่ต้องเรียนรู้ด้วยความเข้าใจ และปัญญาของตนค่อยๆคิดว่าอะไรจริง ไม่จริง แล้วท่านจะรู้จะเข้าใจ ,หลักที่แท้จริง อันความแท้ กับความเชื่อกระแสสังคม มันคนละเรื่องกันครับถ้าท่านยังเชื่อกระแสสังคม เป็นหลัก ท่านจะสับสน หากเจอพระแท้นั้นคือเราไร้ซึ่งสติปัญญาในการวิเคราะห์ด้วยตวเองแล้ว เค้าชี้ไปทางไหน เราก็ไปทางนั้น ไปแบบงงๆมึนๆ ไร้หลักการ พระสมเด็จ สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับพระสมเด็จ มวลสารหลักของเนื้อพระสมเด็จ 1.ดินสอ มหาชัยเป็นผงดินสออาถรรพณ์ทำจากดินขาวอันบริสุทธิ ผสมด้วย น้ำคั้นใบตำลึง ยอดสวาท ยอดกาหลง ยอดรักซ้อน ดินโป่ง ไคลเสมา ยอดชัยพฤกษ์ ยอดราชพฤกษ์ ยอดมะลิจากข้าวในบาตร ทั้งหมดเป็นมวลสารพระพุทธคุณ และได้ถือหลักการคุลีเนื้อพระจากตำรับไสยเวทย์ และเพทางคศาสตร์ ดินสอมหาชัย หมายถึง เป็นผง วิเศษ 5 ประการ อันได้แก่ - ผงพระพุทธคุณ - ผงปัตถะมัง - ผงตรีนิสิงเห - ผงมหาราช - ผงอิทธิเจ 2. ข้าวหอมจากบาตร บรรจุในชามเบญจรงค์ อันเป็นของที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เก็บรักษาโดยเฉพาะ 3. กล้วยน้ำไท ผสมยางมะตูมทั้งสองสิ่งนี้เก็บรักษาไว้ในขันสัมฤทธิ์ ไม่เสีย 4. เกสรบัวสัตตบงกช พร้อมทั้งเกสรดอกไม่ป่าจากเมืองสุโขทัย เมื่อง กำแพงเพชร เป็นเกสรที่เจ้าคุณสมเด็จฯ ได้รวบรวมไว้ถึง 108 ชนิด 5. เปลือกหอย ขาวบริสุทธิ์ นำมาป่นจนละเอียดแล้วผ่านกรรมวิธีจนกลายเป็น ปูนเปลือกหอย มวลสาร ชนิดนี้เมื่อ ปลุกเสกและอบด้วยพระเวทย์มนตราอาถรรพณ์แล้วจะเกิดทรายทองขึ้นเองด้วยวิทยาคม ของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ 6. น้ำมันตั้งอิ๊ว เป็นตัวประสานมวลสารที่ใช้ในการสร้างพระให้ยึดรวมกันอย่างเหนียว ทั้งกระทำให้เนื้อพระ ชุ่มชื่นอีกด้วย มวลสารย่อยที่พบได้มีดังนี้ 1. จุดสีขาวขุ่น ขนาดเล็กตั้งแต่ปลายเข็มหมุดจนเมล็ดถั่วเขียว สันนิษฐานว่าคือเม็ดพระธาตุ และเปลือกหอย 2. จุดสีแดงอิฐ ตั้ เป็นเศษพระเครื่องหักของกำแพงเมืองเพรช สมัยที่สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) ได้ไปเดินธุดงค์พบพระเนื้อดินหัก จึงนำมาสร้างพระเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล และความขลังแก่พระสมเด็จ 3. จุดสีดำ มีขนาดเล็กก็คือ เกสรดอกไม้ เม็ดกล้วย ถ้าเป็นขนาดกลาง สันนิษฐานว่าเป็นผงถ่านใบลานและถ้าเป็นลักษณะยาว สันนิษฐานว่าเป็นกานธูป 4. จุดสีเขียวคล้ายสีคราม มีลักษณะใหญ่เล็กแล้วแต่จะพบในองค์พระ สันนิษฐานว่าเป็นหินเขียว และตะไคร่ ใบเสมา 5. จุดสีน้ำตาลอ่อน และ น้ำตาลแก่ สันนิษฐานว่า คือเกสรดอกไม้แห้งนานาชนิด อาจเป็นดอกไม้108 (ดอกไม้ที่คนนำมาใช้บูชาพระ) 6. เม็ดทรายเสกขนาดกลาง และขนาดเล็ก พบในเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง 7. เม็ดขาวขุ่นหรือพระธาตุ ส่วนมากจะพบกระจายอยู่ทั่วไปในองค์พระบางองค์ พบอยู่ด้านหลัง บางองค์ไม่พบ 8. ทองคำเปลว จากพระประธานในโบสถ์วัดระฆัง ใช้บดผสมในเนื้อพระ 9. ผงวิเศษที่พบเป็นก้อน คล้ายกับก้อนดินสอพองก็คือ ผงวิเศษที่ได้จาก ผงอิทธิ เจ ผงปัตถะมัง ผงตรีนิสิงเห ผงพุทธคุณ ผงมหาราช 10. การยุบตัวของเนื้อพระ เกิดจากปฎิกิริยาการหดตัว แห้งตัว ยุบตัวของ เศษอาหาร จึงทำให้เนื้อพระยุบตัวลง อาศัยหลายๆปี 11. ที่พระบางองค์มีความมันมาก เพราะว่าในเนื้อพระผสมนำ มันตั้งอิ้วมากกว่าปกติ เนื้อพระชนิดนี้จึงหนึกนุ่มอยู่เสมอ 12. พระสมเด็จวัดระฆังบางองค์มีการลงรักปิด ทองไว้ แล้วในภายหลังได้ถูกล้างออก ซึ่งก็ทำให้สามารถดูเนื้อพระได้ง่ายขึ้น 13. คราบสีขาวบนองค์พระมักจะพบในพระสมเด็จวัดระฆังนั้นมี 2 นัย นัยแรก เป็นแป้งโรยพิมพ์พระในตอนสร้าง (ใช้แป้งขาวเจ้าผสมปูนขาว) ,นัยที่สองเกิดจากเชื้อราบางชนิดซึ่งเกิดขึ้นเนื่องมาจากการเก่าเก็บ 14. รอยปริแยกแตกบนผิวพระสมเด็จวัดระฆัง เกิดจากการยุบตัว หดตัวของเนื้อพระเนื่องจากความชื้นและอุณหภูมิในอากาศเปลี่ยนแปลง แต่ ถ้าเนื้อพระมีส่วนผสมน้ำมัน ตังอิ้วที่เหมาะสมเป็นตัวประสานเนื้อพระก็จะ ไม่ค่อยพบลอยปริแตกบนผิว 15. กลิ่นหอมในเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง เกิดจากการที่ส่วนผสมมวลสารในเนื้อพระมีดอกไม้และเกสรหลายชนิดรวมกัน รวมทั้งน้ำมันจันทน์ การศึกษาพระสมเด็จควรศึกษาเนื้อพระเป็นหลัก แล้วจึงค่อยไปพิจารณาพิมพ์ทรง ฉะนั้นถ้ามวลสารถูก เนื้อพระหย่นยุบ โอกาสใช่สมเด็จแท้ก็มากกว่า 80% แล้ว ที่เหลือดูพิมพ์ทรง เพราะมวลสารที่ระเหยแห้ง ผ่านกาลเวลามา 150ปี ยากแก่การลอกเรียนแบบ , ส่วนพิมพ์ทรง ลอกเรียนแบบได้ง่ายๆ ดังเช่นพระเหรียญ ลอกเรียนง่ายและเหมือนสมบูรณ์แบบ - หลักการดู สมเด็จวัดระฆัง 4ย 4ห 4น 4ม 4จ
หลักการศึกษา พระสมเด้จวัดระฆัง ในการตรวจสอบ
|
พระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่พระประธาน พร้อมใบเซอร์ แลกทองเหลือกิน บ้านเหลือเก็บ รถเหลือใช้ |
กรุณารอสักครู่...